หมู่บ้านสาขลา ตั้งอยู่ตำบลนาเกลือ อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นหมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมดั้งเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ติดอยู่กับแม่น้ำเจ้าพระยา ชาวบ้านส่วนใหญ่ ณ ที่นี้ส่วนมากทำอาชีพประมง ทำวังกุ้ง และที่สำคัญยังมีผลิตภัณฑ์โอทอปจากฝีมือชาวบ้านสาขลานี้เช่น กุ้งเหยียด กุ้งแห้ง ปูราเกียรติ์ และอื่นๆ อีกมาก สิ่งสำคัญของหมู่บ้านสาขลานี้ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักเลยคือ วัดสาขลา และตลาดน้ำโบราณบ้านสาขลา ที่ให้เดินเที่ยวชมกันตลอดวัน

 

เริ่มต้นการเดินทาง ผมนั่งรถสองแถวเข้าไปในหมู่บ้านสาขลาครับในราคาเพียง 8 บาท พาไปส่งถึงในหมู่บ้านหน้าตลาดน้ำสาขลาเลยครับใช้เวลานั่งรถเข้าไปก็ประมาณ 20 นาทีได้ ภาพด้านล่างเป็นรถสองแถวที่นั่งเข้าไปหมู่บ้านสาขลาจอดอยู่ตรงท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์ครับ

เดินทางถึง ตลาดน้ำโบราณบ้านสาขลา เดินเข้าไปยังหมู่บ้านสาขลาสักประมาณ 20 เมตร รถสองแถวจอดตรงหน้าตลาดน้ำพอดี ก็เดินเข้าตลาดน้ำโบราณของหมู่บ้านกันเลย

เดินข้ามสะพานมาก็จะเห็นผู้คนในหมู่บ้านยังโดยสารด้วยเรือซึ่่งอาจจะแปลกตาไปสักหน่อยก็ถือว่าหมู่บ้านสาขลาใช้ชวิตกันอยู่แบบเรียบง่าย และตลอดแนวคลองน้ำในหมู่บ้านดูสะอาดตาเอามากๆ

เดินเข้ามาในตลาดก็จะเจอกับกุ้งเหยียดที่ขายกันอยู่ค่อนข้างหลายร้านเลือกซื้อได้เลย สำหรับกุ้งเหยียดนี้เป็นผลิตภันฑ์หลักของตลาดน้ำหมู่บ้านสาขลาเลยก็ว่าได้ (ผมลองชิมแล้วอร่อยมาก) แถมราคาถูกถุงละ 100 บาทเอง
ภาพกุ้งเหยียดผลิตภัณฑ์โอทอปของตลาดน้ำบ้านสาขลา
หรือจะเลือกซื้อแยกเป็นถุงถุง เลือกได้เองตามใจชอบ
เดินรอบๆ ตลาด จะมีร้านค้าหลากหลายร้านขายอาหารที่ทำกันสดร้อนๆ น่ากินมากเช่น ขนมครก ผัดไทย ขนมหวาน และอื่นๆอีกมาก โดยเฉพาะขนมหวานแม่ค้าให้ชิมก่อนซื้อด้วยอร่อยมาก
ก๋วยเตี๋ยวในตลาดน้ำนี้ก็มีร้านให้เลือกรับประทานกันเยอะมากโดยเฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อหมูสดอร่อยดี รวมไปถึงร้านอาหารตามสั่งต่างๆ ก็มีเยอะไม่แพ้กัน
เอาละเมื่อเดินตลาดน้ำเสร็จแล้วก็เดินเข้าไปยัง วัดสาขลา กันต่อวัดสาขลาก็ติดอยู่กับตลาดน้ำเลยเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง เดินเข้าไปในวัดสิ่งที่เห็นอย่างแรกคือ อนุสรณ์สถาน พระปรางค์เอน มีลักษณะเป็นปรางค์สูงเอนเอียงอายุกว่า 100 ปี

ทำความรู้จักกับประวัติวัดสาขลากันสักนิด วัดสขลาสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2325 ชาวบ้านช่วยกันสร้างแต่เดิมชาวบ้านเรียกหมู่บ้านสาวกล้า ต่อมาคำพูดเพี้ยนมาเป็น สาขลา วัดจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดสาขลาจนถึงปัจจุบัน และเหตุการณ์ที่สำคัญคือ ได้เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ออกหาปลาได้เห็นองค์หลวงพ่อโตยืนเอาจีวรโบกไฟที่กำลังไหม้จนค่อยๆดับลงพร้อมกับได้ยินเสียงสวดมนต์อย่างต่อเนื่อง รุ่งเช้าเมื่อเช้าบ้านทราบข่าวจึงแห่ไปดู เห็นองค์หลวงพ่อโตดำเป็นเขม่าไปทั้งองค์ แต่องค์หลวงพ่อโตไม่เป็นไรทั้งสิ้น เมื่อชาวบ้านเห็นดังนั้นก็ร้องไห้กันยกใหญ่ ดังนั้นแล้วชาวบ้านนี้จึงพร้อมใจกันทำบุญให้กับ หลวงพ่อโตทุกวันที่ 6 มกราคม ของทุกปี

ภาพหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อโตประดิษฐานภายในวัดสาขลา
ทำความรู้จักประวัติวัดสาขลากันแล้วทีนี้ก็เข้าไปยังในอุโบสถ์และพระวิหารกันเลยครับ สำหรับพระอุโบสถ์และพระวิหารของวัดสาขลาจะอยู่ติดกันเลย เข้าไปยังข้างในวิหารก็จะพบกับองค์หลวงพ่อโตและพระพุทธรูปต่างๆที่สำหรับกราบไหว้ทำบุญปิดทององค์พระกันหลายองค์
กราบไหว้พระในวิหารเสร็จแล้วก็เข้าไปถวายสังฆทานในพระอุโบสถ์ก็ต่อ จะมีผู้คนมาถวายสังฆทานกันเนื่องแน่น
ถวายสังฆทานเสร็จแล้วก็ออกมาทำบุญ ตีระฆัง ตักบาตข้าวสาร ทำบุญวัดเกิด และอื่นๆ อีกมากมาย
ที่ขาดไม่ได้เลยคือปิดทองลูกนิมิตทั้ง 8 ลูกภายในรอบตัวพระอุโบสถ์เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง
นอกจากพระอุโบสถ์และพระวิหารที่ตั้งอยู่ด้านบนแล้ว ก็เดินลงมายังชั้นล่างเข้าไปเยี่ยมชมห้องที่ประดิษฐานองค์รูปเหมือนของพระเกจิชื่อดังของไทยกันอยู่ทุกองค์
ตรงกลางห้องจะมีพระพุทธรูปและองค์พระแก้วมรกตตั้งอยู่ด้วย
เยี่ยมชมห้องพระเกจิชื่อดังแล้วก็ออกเดินมายังห้องข้างๆ จะเป็นห้องพิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลาที่ประดิษฐานองค์พระตรีมูรติ องค์พระพิฆเนศ และองค์อื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อเดินชมเยี่ยมชมห้องพิพิธภัณฑ์เทพศรีสาขลาเสร็จก็เดินออกมาเดินชมพระพุทธรูปที่ขุดค้นพบภายในวัดแห่งนี้เป็นปรางค์ประทานพร และปรางค์ห้ามสมุทร
รูปถ่ายที่ติดอยู่กับฝาผนังเป็นรูปถ่ายเรื่องราวที่ขุดค้นพบพระพุทธรูปทั้งสององค์
ไหว้พระรอยดอกบัวในน้ำเพื่อให้จิตใจสงบ
ลอดใต้ท้องช้างองค์สีดำเพื่อเสริมดวงแคล้วคลาดแด่ภัยอันตรายต่างๆ
ปิดทองฐานหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ขอบารมีท่านแผ่ลงมาคุ้มครองป้องกัน
นอกจากนี้แล้วภายในวัดสาขลายังมีเรือนไทยที่สวยงามตั้งอยู่ใกล้กับพระอุโบสถ์-พระวิหาร
ภายข้างในเรือนจะเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพุทธรูปและรอยพระบาทซึ่งสวยงามมากๆ

ข้อมูลการติดต่อเพิ่มเติม

สำหรับการเดินทางมายังหมู่บ้านสาขลานี้
รถส่วนตัวขับรถมายังอำเภอพระสมุทรเจดีย์แล้วเลี้ยวขวาตรงสามแยกขับตรงไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านนาเกลือแล้วก็จะถึงหมู่บ้านสาขลา
รถสองแถวจะจอดอยู่ตรงท่าน้ำพระสมุทรเจดีย์มีจอดรอรับส่งอยู่ตลอดวันในราคาเพียง 8 บาทตลอดสาย
เวลาเปิดให้เข้าชมตลาดน้ำ เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น.